โรคท้องร่วง

เป็นการถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน โดยอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เป็นต้น 

โรคท้องร่วงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ 

  • โรคท้องร่วงเฉียบพลัน มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือปรสิต มักมีอาการรุนแรงและหายได้เองภายใน 1 – 2 สัปดาห์ 
  • โรคท้องร่วงเรื้อรัง มักเกิดจากการติดเชื้อเรื้อรัง เช่น การติดเชื้อวัณโรค การติดเชื้อเชื้อรา หรือโรคลำไส้อักเสบ มักมีอาการรุนแรงและอาจต้องรักษาด้วยยาหรือการผ่าตัด 

แนวทางการรักษาโรคท้องร่วง 

การรักษาโรคท้องร่วงขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค ดังนี้ 

  • โรคท้องร่วงเฉียบพลัน มักรักษาตามอาการ โดยเน้นการชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ เช่น การดื่มน้ำเกลือแร่ การรับประทานยาแก้ท้องเสีย การรับประทานยาแก้อาเจียน และการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย 
  • โรคท้องร่วงเรื้อรัง มักรักษาตามสาเหตุของโรค เช่น การให้ยาปฏิชีวนะหากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย การให้ยาต้านไวรัสหากมีการติดเชื้อไวรัส เป็นต้น 

การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคท้องร่วง 

นอกจากการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว ผู้ป่วยโรคท้องร่วงควรดูแลตนเองดังนี้ 

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากการถ่ายอุจจาระเหลว 
  • รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ซุป เป็นต้น หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ 
  • พักผ่อนให้เพียงพอ 
  • ล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ 

หากมีอาการของโรคท้องร่วงรุนแรง เช่น ถ่ายอุจจาระเหลวมาก มีอาการขาดน้ำ มีอาการไข้สูง ปวดท้องรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

สวัสดี!

ติดต่อกับเราได้อย่างง่ายดายกว่าที่เคย

ติดตามข่าวสาร

จากโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต

กรุณากรอกอีเมลคุณเพื่อรับข่าวสารจากโรงพยาบาล